คลินิกแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่

คลินิกแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก การให้บริการการแพทย์แผนไทย
     คลินิกแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกเปิดให้บริการตรวจวินิจฉัย รักษาด้วยวิธีการจ่ายยา การนวด ประคบสมุนไพร การอบสมุนไพร เพื่อการบำบัดรักษา ป้องกันโรคและฟื้นฟูสภาพ โดยใช้ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ด้วยการนวด ประคบสมุนไพรและการใช้ยาสมุนไพร ภายใต้มาตรฐานวิชาชีพแพทย์แผนและให้คำปรึกษาคำแนะนำโดยแพทย์แผนไทยประยุกต์ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และผู้รับบริการมีความพึงพอใจ
ตรวจรักษาและให้คำปรึกษา
     • กลุ่มอาการทางระบบกล้ามเนื้อ อาการปวดกล้ามเนื้อ, คอตกหมอน, ไมเกรน, หัวไหล่ติด, นิ้วล็อก, ข้อเข่าเสื่อม, ตะตริว, และอัมพฤกษ์, อัมพาต
     • กลุ่มอาการทางระบบทางเดินอาหารจุกเสียด, แน่นท้อง, ท้องอืด
     • กลุ่มอาการทางระบบทางเดินหายใจหอบหืด, ภูมิแพ้, ไอ

เปิดให้บริการ ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.30 น. ทุกวันจันทร์-อาทิตย์ ยกเว้นวันหยุด นักขัตฤกษ์ พักเที่ยง 12.00- 12.50 น.
ติดต่อสอบถามหมายเลขโทรศัพท์
053-277029 (สายตรง)
053-272256 ต่อ 603 (ผ่านประชาสัมพันธ์)

ขั้นตอนการมารับบริการ
     1. ยื่นบัตรโรงพยาบาลและบัตรประจำตัวประชาชนแก่เจ้าหน้าที่
     2. คัดกรองสิทธิ์การรักษาและตรวจวัดสัญญาณชีพ
     3. พบแพทย์แผนไทย ซักประวัติ ตรวจร่างกาย วินิจฉัย วางแผนการรักษาและให้คำแนะนำ ท่ากายบริหารและให้คำปรึกษาสุขภาพ
     4. ติดต่อนัดรักษาต่อตามแผนการรักษา
     5. รับยาห้องเบอร์ 6 / ผู้รับการนวดเปลี่ยนชุดที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าชาย – หญิง
     6. เข้าห้องนวดแผนไทย
     7. เสร็จสิ้นการนวด ตรวจสอบสัมภาระและของมีค่าก่อนกลับ

ระยะเวลาการบริการนวด ทั้งหมด 4 รอบ/วัน
รอบที่ 1 เวลา 09.00 – 10.40 น.
รอบที่ 2 เวลา 10.45 – 12.25 น.
รอบที่ 3 เวลา 13.15 – 14.55 น.
รอบที่ 4 เวลา 15.00 – 16.40 น.

ประโยชน์ของการนวด
     • เพิ่มการไหลเวียนเลือดและน้ำเหลือง ส่งเสริมให้ฟื้นฟูและซ่อมแซมกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
     • ลดการแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อทำให้บรรเทาอาการปวดเมื่อยล้าได้
     • ช่วยฟื้นฟูสำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวของข้อเช่นหัวไหล่ติด,นิ้วล็อกและข้อเข่าเสื่อม
     • ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพสำหรับผู้ที่เป็น อัมพฤกษ์ อัมพาต
     • เป็นทางเลือกสำหรับการบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อโดยการไม่ใช้ยา

ข้อห้ามสำหรับผู้รับการนวด
     1. ผู้ที่มีไข้เกิน 38.5 องศาเซลเซียส
     2. ผู้ที่มีความดันโลหิต≥ 150/90 มิลิเมตร.ปรอท
     3. ผู้ที่เป็นโรคติดต่อทางผิวหนัง
     4. ผู้ที่มีประวัติกระดูกปริ, แตก, หัก, ร้าว ที่ยังไม่ติดและโรคกระดูกพรุนรุนแรง
     5. ผู้ที่มีภาวะผิดปกติของระบบไหลเวียนของเลือดและผิดปกติของเลือดเช่น เส้นเลือดแดงในช่องท้อง โป่งพอง โรคเลือดไม่แข็งตัว ลิ่มเลือดอักเสบ ลิ่มเลือดอุดตันในเส้นเลือด
     6. โรคมะเร็งในระยะลุกลาม
     7. ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือจากการเล่นกีฬาภายใน 48 ชั่วโมง
     8. ผู้ป่วยโรคหัวใจที่มีภาวะควบคุมไม่ได้
     9. โรคติดต่อทุกชนิดและโรควัณโรค